เปลี่ยนแปลงการศึกษา ต้องใช้วิสัยทัศน์ ‘รัฐ-โรงเรียน-ครู’ ทัศนะ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานการศึกษาทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทวีตข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) เกี่ยวกับเรื่องการศึกษาว่า “การเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย ไม่ง่าย ต้องใช้วิสัยทัศน์ และความกล้าหาญ”

ผมดีใจมาก ที่มีประเด็นข้อสงสัย และมีการถกเถียง แลกเปลี่ยนความเห็นอย่างกว้างขวาง เรื่องการเรียนรู้ของเด็กเล็ก จะทำอย่างไรให้เป็นรูปธรรม ไม่ตามใจคน จนเด็กเสียโอกาส ชาติแข่งขันไม่ได้ และไม่เพ้อฝัน

เราลองมา เปิดใจ ถาม-ตอบ ทีละขั้น กันดีไหมครับ

คำถาม :

1.การสร้างคนเก่งและคนดีในสังคม ควรสร้างในวัยใด ถึงเกิดผลมากที่สุด
ตอบ : “วัยเด็ก หรือ ปฐมวัย” ช่วงตั้งแต่เกิดถึง “อนุบาล” ก่อนถึงระดับประถม ใช่ไหมครับ

คำถาม :
2.เมื่อเด็กวัยอนุบาลสำคัญที่สุด แล้วเราควรพัฒนาเขาอย่างไร
ตอบ : สร้างตาม “ทักษะเป้าหมายในโลกอนาคต” ไม่ใช่แค่ปัจจุบัน เพราะเขาต้อง “อยู่รอดในอนาคต” ไม่ใช่แค่ปัจจุบัน จริงไหมครับ

คำถาม :
3.แล้วทักษะ การเรียนรู้ เพื่ออยู่รอดในอนาคต คืออะไร
ตอบ : อย่างน้อยที่สุด เบื้องต้นเท่านั้น เด็กต้องมีทักษะ 4 ด้าน ดังนี้
1).”ทักษะทางคณิตศาสตร์” เด็กต้องพัฒนาตรรกะ เพื่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ เพื่อแก้ปัญหาซับซ้อนเชิงตัวเลข ของโลกอนาคต

2).”ทักษะทางวิทยาศาสตร์” เด็กต้อง “เข้าใจธรรมชาติ” รู้จักตั้งคำถาม รู้จักความเป็นเหตุเป็นผลและรู้จักกระบวนการพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ เพื่อประเมินความเสี่ยงอย่างมีเหตุผล

3).”ทักษะด้านภาษา” แม้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะช่วยลดข้อจำกัดด้านภาษา แต่ทักษะภาษายังจำเป็นสำหรับเด็ก เพราะการเรียนภาษาคือ การสร้างความเข้าใจ ในวัฒนธรรมที่แตกต่างของแต่ละชนชาติ และเป็นการฝึกฝนการจดจำในวัยเด็ก

4).”ทักษะด้านศิลปะ” มักถูกละเลย ทั้งที่ศิลปะและดนตรี เป็นเครื่องมือสำคัญให้เด็ก มีความอ่อนโยน มีความเห็นอกเห็นใจ และยังจำเป็นในโลกอนาคต ที่ทุกผลผลิตต้องคำนึงทั้งการใช้งาน และความสวยงาม ควบคู่กัน

ทักษะทั้ง 4 ด้านนี้ คือ การชี้ชะตาเด็ก ชี้ชะตาสังคม และชี้ชะตาโลกอนาคต หากไม่สร้างตั้งแต่วัยอนุบาล ย่อมสายเกินไป

คำถาม :
4.การให้ลูกเล่น เล่น เพราะการเรียน คือ ยาขม ทำให้เด็กเครียด จริงหรือ
ตอบ: ไม่จริง มันคนละเรื่องกัน โรงเรียนก็ต้องให้เด็กเล่น เหมาะสมตามวัย “แต่การเล่นแบบไร้เป้าหมาย เล่นแบบปล่อย ไม่เน้นสร้างทักษะ นอกจากสูญเสียโอกาสทอง ยังอาจมีความเสี่ยงต่อตัวเด็ก ต่อเนื่องถึงอนาคต”

ต้องเน้น “การเรียนรู้ พร้อมการเล่น พร้อมสร้างทักษะ” เด็กเล็กเรียนรู้จากการเห็น การอ่าน การสัมผัส ดังนั้นการนับและฝึกแยกแยะสิ่งของ คือ ทักษะคณิตศาสตร์ การเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว คือ ทักษะวิทยาศาสตร์ การวาดระบายสี คือ ทักษะศิลปะ การถามตอบ คือ ทักษะภาษา

ทักษะเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากเด็กเอง โรงเรียน ครู และพ่อแม่ต้องวางแผนการสอน ถึงจะเกิดขึ้น

คำถาม :
4.แล้ว 1).รัฐบาล 2).โรงเรียนและครู 3).พ่อแม่ควรมีบทบาทอย่างไร ในการพัฒนาเด็กเล็ก
ตอบ :
1).”รัฐบาล” ควรสนับสนุน การเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพที่สุด ในวัยอนุบาล ทั้งส่งเสริมการพัฒนาครู ที่มีทักษะแห่งอนาคต พร้อมเพื่อสอนเด็ก สนับสนุนการอ่านเต็มรูปแบบ หนังสือต้องทันสมัย สนุก ได้ความรู้ ทั่วถึง และเกิดประโยชน์ตรงเป้าหมาย

2).”โรงเรียนและครู” ควรบริหาร “ทรัพยากรหรือต้นทุน” ที่อาจมีอยู่ไม่เท่ากันของเด็กแต่ละคน ให้เด็กพัฒนาทักษะได้ครบ ได้เต็มศักยภาพ

ความสำเร็จของเรื่องนี้ อยู่ที่ระบบการพัฒนาครูที่ทันสมัย ต่อเนื่อง และระบบผลตอบแทนที่สามารถดึงดูดคนเก่งคนดี

3).”พ่อแม่” คือ ปัจจัยที่สำคัญ แต่เปราะบางที่สุด ต่อให้รัฐบาลสนับสนุนการศึกษาเต็มที่ โรงเรียนและครูทำหน้าที่สมบูรณ์แบบ แต่พ่อแม่ละเลยลูก ผลลัพธ์คงไม่สมบูรณ์ จริงไหมครับ

ผมเข้าใจว่า พ่อแม่ไทยมีข้อจำกัดเยอะ ทั้งเวลา ทั้งเงิน ทั้งความเครียด แม้ผมจะแสดงจุดยืนชัดว่า พ่อแม่ คือ คนที่สำคัญที่สุด ในการสร้างทุกทักษะการเรียนรู้ ให้ลูก

แต่ดูเหมือนว่า สิ่งที่พอทำได้ คือ รัฐ โรงเรียน และครู จึงต้องมีบทบาทมากกว่าปกติ ในการพัฒนาเด็กไทย ดังนั้น ผู้นำรัฐบาลไทยจึงต้องรับภาระนี้ อย่างหลีกเลี่ยงมิได้

เพราะวิสัยทัศน์ คือ การมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น หรือคนอื่นอาจไม่มีวันเข้าใจได้เลย

ดังนั้น ผมขอให้กำลังใจ ผู้นำที่กล้าหาญ จงอย่าเสียกำลังใจ ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย จงมุ่งทำต่อไป วันหนึ่งคนจะได้เห็นเอง เมื่อมันเกิดขึ้นจริง 

ที่มา ; มติชนออนไลน์ วันที่ 24 ตุลาคม 2566 

Leave a Reply