รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.ค.ศ.ทำวิจัยการประเมินผลการใช้ระบบวิทยฐานะรูปแบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ว 9-ว 11/2564 (วPA) โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากการสำรวจกลุ่มเป้าหมายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใช้ระบบการประเมินวิทยฐานะรูปแบบข้อตกลงพัฒนางาน หรือ PA ทั่วประเทศ
โดยได้ประเมินประสิทธิผลและผลลัพธ์ รวมทั้งศึกษาปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะของ วPA ซึ่งได้ทำการศึกษาใน 4 ระดับ ได้แก่ ระดับ 1 ความรู้สึก ระดับ 2 การเรียนรู้ ระดับ 3 พฤติกรรม และระดับ 4 ผลลัพธ์ พบว่า
- ในระดับความรู้สึก ผู้ใช้งานมีความพึงพอใจในด้านส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิชาชีพ ร้อยละ 01 เชื่อมโยงกับการปฏิบัติงานจริง ร้อยละ 91.29 ช่วยสะท้อนคิดและพัฒนาการสอน ร้อยละ 91.28
- ระดับการเรียนรู้ ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจลักษณะงานที่ปฏิบัติตามาตราฐานตำแหน่ง ร้อยละ 62 สามารถอธิบายระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะ ร้อยละ 87.65 และสามารถจำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินฯ ตามวิทยฐานะได้ ร้อยละ 85.95
- ระดับพฤติกรรม ผู้ใช้งานสามารถนำความรู้หรือทักษะใหม่ๆ ที่ได้รับจากการประเมินฯไปปฏิบัติ ร้อยละ 25 มีการปรับเปลี่ยนการสอนโดยอาศัยข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประเมินฯ ร้อยละ 89.83 เพิ่มการสะท้อนคิดในการปฏิบัติงาน ร้อยละ 89.58
- ระดับผลลัพธ์ ระบบ PA ช่วยให้เกิดการพัฒนาครูและก่อให้เกิดประโยชน์กับการเรียนรู้ของผู้เรียน ร้อยละ 74 ช่วยระบุจุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนาพร้อมแนวทางการพัฒนาที่ชัดเจน ร้อยละ 89.59 รวมถึงสร้างการพัฒนาบนฐานของการจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน ร้อยละ 88.62
สำหรับปัญหาที่พบในการใช้งานระบบการประเมินวิทยฐานะ วPA
ระยะแรกพบว่าผู้ใช้งานมีอุปสรรคในด้านระยะเวลาที่ใช้ในการพิจารณาผล ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้มีการพัฒนาระบบเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องและได้รับผลตอบรับจากผู้ใช้งานที่ดีขึ้น และมีข้อเสนอแนะในการวิจัย ใน 5 ประเด็นได้แก่
1) การให้ข้อมูลย้อนกลับและการสื่อสารอย่างทันท่วงที
2) การปรับปรุงระบบประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (DPA)
3) การเสริมสร้างการสนับสนุนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
4) การเพิ่มการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูและผู้บริหาร
5) การสร้างความเข้าใจถึงประโยชน์ของระบบ DPA
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้นำผลการวิจัยดังกล่าวเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพื่อทราบแล้ว พร้อมทั้งรับนโยบายและข้อสั่งการในการขับเคลื่อนระบบ PA ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อประโยชน์ของข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา
ซึ่งหลังจากนี้สำนักงาน ก.ค.ศ.จะมีการพัฒนาระบบ DPA ในเวอร์ชั่น 2 เพื่อลดกระบวนการและขั้นตอนในการดำเนินการให้ง่ายขึ้น สะดวกต่อการใช้งาน และจะนำข้อเสนอแนะที่ได้จากผลการวิจัยในครั้งนี้มาพัฒนาระบบเพื่อให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลต่อไป