พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ “Big Data Institute (Public Organization)”

@สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ เป็นองค์การมหาชนที่เกิดขึ้นใหม่

– ชื่อย่อ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ ; สขญ.
– ชื่อเป็นภาษาอังกฤษ “Big Data Institute (Public Organization)”
– ชื่อย่อภาษาอังกฤษ BDI

@ข้อมูลขนาดใหญ่ หมายถึง การรวมกันของชุดข้อมูลที่มีปริมาณและความซับซ้อนสูง ทั้งที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง และการเก็บรวบรวม การบันทึก การค้นหา หรือการเชื่อมโยงข้อมูล ที่ต้องใช้เทคโนโลยีด้านข้อมูลขนาดใหญ่โดยเฉพาะ รวมทั้งการประมวลผลเชิงวิเคราะห์โดยใช้เทคโนโลยี ด้านปัญญาประดิษฐ์หรือเทคโนโลยีอื่นใดที่เหมาะสม เพื่อน ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ หรือเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือสังคม

@เหตุผลในการจัดตั้ง ; โดยที่การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นกลไกส าคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อให้เกิดการบูรณาการข้อมูลขนาดใหญ่ของหน่วยงานของรัฐและเอกชนส าหรับการแก้ไขปัญหา การเพิ่มประสิทธิภาพการด าเนินงาน และการให้บริการ การตัดสินใจในการก าหนดนโยบายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สมควรจัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ขึ้น เป็นองค์การมหาชน โดยมีวัตถุประสงค์ส าคัญในการจัดท ายุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จาก ข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งส่งเสริม ประสาน และวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อผลักดัน ให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของป ระเทศให้เป็นไปอย่างยั่งยืน

ที่มา ; ราชกิจจานุเบกษา

ข่าวเกี่ยวข้องกัน

ทำความรู้จัก ‘สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่’ Big Data แห่งชาติ

จากการที่ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกา จัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2566 โดยเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เพื่อให้การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐ และเอกชนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

และเพื่อให้เกิดการร่วมมือในข้อมูลขนาดใหญ่ของหน่วยงานของรัฐและเอกชนสำหรับการแก้ไขปัญหา การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการให้บริการการตัดสินใจในการกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สมควรจัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ขึ้นเป็นองค์การมหาชน

โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการจัดทำยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งส่งเสริม ประสาน และวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เป็นไปอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้การจัดตั้งองค์การมหาชนขึ้น เรียกว่า “สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)” เรียกโดยย่อว่า “สขญ.” และให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Big Data Institute (Public Organization)” เรียกโดยย่อว่า “BDI” โดยให้สถาบันมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือในจังหวัดอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา และอาจตั้งสำนักงานสาขาได้ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร

โดย สถาบันมีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

  1. จัดทำยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
  2. ส่งเสริม ประสาน และให้บริการแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ ในการแก้ไขปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการให้บริการ หรือการตัดสินใจในการกำหนดนโยบาย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
  3. ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งให้บริการคำปรึกษาหรือเป็นที่ปรึกษาด้านข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชน
  4. ส่งเสริมหน่วยงานของรัฐและเอกชนในการสร้างนวัตกรรมด้านข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรฐานในระดับสากล เพื่อเพิ่มศักยภาพการบูรณาการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศ
  5. ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาธุรกิจด้านการวิเคราะห์ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศ
  6. ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาองค์ความรู้และบุคลากรของประเทศด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
  7. ดำเนินการอื่นเพื่อพัฒนาข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศตามที่กฎหมายกำหนดหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมายเพื่อบูรณาการการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ สถาบันอาจเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้หน่วยงานของรัฐสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันหรือร่วมดำเนินการกับสถาบันตามมาตรานี้ได้

อ้างอิง ราชกิจจาฯ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีเดย์ ก.ย.นี้ เปิดสถาบัน Big Data หนุนใช้ข้อมูลขับเคลื่อนประเทศ

จัดตั้งสถาบัน Big Data แล้วเสร็จ ก.ย.นี้ เตรียมสรรหาบอร์ดบริหาร-ผู้อำนวยการ จัดทำโครงสร้างองค์กร วางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ ผลักดันให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่าการดำเนินการจัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) จะแล้วเสร็จประมาณกันยายน 2566 นี้ ซึ่งใช้ชื่อย่อว่า สขญ. และชื่อภาษาอังกฤษว่า Big Data Institute (Public Organization) หรือ BDI

โดยขณะนี้คณะกรรมการบริหาร หรือบอร์ด ชั่วคราว ที่ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตัวแทนคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) กระทรวงกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ มี รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ ทำหน้าที่รักษาการ ผู้อำนวยการ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)

หลังจากนั้นจะมีการดำเนินการสรรหาบอร์ด และผู้อำนวยการต่อไป เพื่อดำเนินการจัดทำโครงสร้างองค์กร ให้เป็นไปตาม พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2566 กำหนดจำนวนบุคลากรไว้ 113 คน สามารถเพิ่มได้ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย พร้อมทั้งจัดทำแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ ผลักดันให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

และส่งเสริม ประสาน และให้บริการแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ในการแก้ไขปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการให้บริการ หรือการตัดสินใจในการกำหนดนโยบาย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงส่งเสริมหน่วยงานของรัฐและเอกชนในการสร้างนวัตกรรมด้านข้อมูลขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรฐานในระดับสากล เพื่อเพิ่มศักยภาพการบูรณาการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศ

นอกจากยังนี้ต้อง ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาธุรกิจด้านการวิเคราะห์ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศและส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาองค์ความรู้และบุคลากรของประเทศด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ พร้อมทั้งให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งให้บริการคำปรึกษาหรือเป็นที่ปรึกษาด้านข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชน

รวมไปถึงการดำเนินการอื่นเพื่อพัฒนาข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศตามที่กฎหมายกำหนด หรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย เพื่อบูรณาการการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ สถาบันอาจเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อให้หน่วยงานของรัฐสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันหรือร่วมดำเนินการกับสถาบัน โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการพัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ (Health Link) ระบบรวบรวมข้อมูลด้านการท่องเที่ยว (Travel Link) ระบบเชื่อมโยงข้อมูลเด็กและเยาวชน (Youth Link) และระบบเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (CO-Link)

ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวต่อไปอีกว่าการจัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) นั้นต้องการเกิดการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เกิดการบูรณาการข้อมูลขนาดใหญ่ของหน่วยงานของรัฐและเอกชนสำหรับการแก้ไขปัญหา การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการให้บริการการตัดสินใจในการกำหนดนโยบายเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อย่างไรก็ตามตัวชี้วัดในการจัดตั้งสถาบันดังกล่าวนั้น ผู้อำนวยการ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) จะเป็นผู้กำหนด และเสนอต่อบอร์ด และคณะรัฐมนตรีต่อไป

ด้านนายณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เบลนเดต้า จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มบริหารจัดการ Big Data กล่าวว่า การจัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ขึ้นมาจะทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลของภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  นอกจากนี้ยังทำให้เกิดจุดเชื่อมต่อระหว่างรัฐและเอกชน โดยมีหน่วยงานที่มีความรู้ความเข้าใจ ทำให้การประสานงานภาครัฐเอกชน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็วขึ้น

ที่มา ; ฐานเศรษฐกิจ 11 มิถุนายน 2566

เกี่ยวข้องกัน

รู้จัก “สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่” หน่วยงานบิ๊กดาต้าประเทศไทย

ทำความรู้จัก สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หน่วยงานบิ๊กดาต้าประเทศไทย ครั้งแรกที่ถูกตั้งขึ้นเป็นทางการ ตรวจสอบข้อมูลรายละเอียด อำนาจหน้าที่ ภารกิจสำคัญ เป็นอย่างไร รวมไว้ที่นี่ครบ

นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่จะมี สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ “บิ๊กดาต้า” ของประเทศขึ้นมาอย่างเป็นทางการ ภายหลัง ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) พ.ศ.2566 โดยให้ศูนย์รวมข้อมูลให้ทั้งภาครัฐ เอกชน เพื่อร่วมมือใช้ประโยชน์ และกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

อีกทั้งยังทำให้เกิดการร่วมมือในข้อมูลขนาดใหญ่ของหน่วยงานของรัฐและเอกชนสำหรับการแก้ไขปัญหา การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการให้บริการการตัดสินใจในการกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมด้วย

สำหรับการจัดตั้ง สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ “บิ๊กดาต้า” ของประเทศไทย มีรายละเอียดที่น่าสนใจหลายประการ ฐานเศรษฐกิจ ขอรวบรวมและสรุปข้อมูลแบบเข้าใจง่าย ๆ ดังนี้

ชื่อของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่

การจัดตั้งองค์การมหาชนขึ้นครั้งนี้ ให้มีชื่อเรียกอย่างทางการว่า สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) เรียกโดยย่อว่า “สขญ.” และให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Big Data Institute (Public Organization) เรียกโดยย่อว่า “BDI”

โดยให้สถาบันมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือในจังหวัดอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา และอาจตั้งสำนักงานสาขาได้ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร

วัตถุประสงค์ของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่

จัดทำยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งส่งเสริม ประสาน และวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เป็นไปอย่างยั่งยืน

ภารกิจของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่

การจัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) มีหน้าที่สำคัญ คือ

  1. จัดทำยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
  2. ส่งเสริม ประสาน และให้บริการแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ ในการแก้ไขปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการให้บริการ หรือการตัดสินใจในการกำหนดนโยบาย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
  3. ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งให้บริการคำปรึกษาหรือเป็นที่ปรึกษาด้านข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชน
  4. ส่งเสริมหน่วยงานของรัฐและเอกชนในการสร้างนวัตกรรมด้านข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรฐานในระดับสากล เพื่อเพิ่มศักยภาพการบูรณาการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศ
  5. ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาธุรกิจด้านการวิเคราะห์ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศ
  6. ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาองค์ความรู้และบุคลากรของประเทศด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
  7. ดำเนินการอื่นเพื่อพัฒนาข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศตามที่กฎหมายกำหนดหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมายเพื่อบูรณาการการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ สถาบันอาจเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้หน่วยงานของรัฐสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันหรือร่วมดำเนินการกับสถาบันตามมาตรานี้ได้

อำนาจหน้าที่ของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่

อำนาจหน้าที่ของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ ได้กำหนดรายละเอียดไว้ทั้งสิ้น 10 ข้อเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ประกอบด้วย

  • ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง และมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ
  • ก่อตั้งสิทธิหรือทำนิติกรรมทุกประเภท เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการของสถาบัน
  • ทำความตกลงและร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ ในกิจการที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสถาบัน
  • จัดให้มีและให้ทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบัน
  • บริหารจัดการองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านข้อมูลขนาดใหญ่ ตลอดจนทรัพย์สินทางปัญญาและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสถาบัน
  • กู้ยืมเงินเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสถาบัน
  • เข้าร่วมทุนกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นในกิจการที่เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของสถาบัน
  • ถือหุ้นหรือเข้าเป็นหุ้นส่วนในกิจการของนิติบุคคลอื่นเพื่อส่งเสริมกิจการที่เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของสถาบัน โดยต้องไม่มีวัตถุประสงค์หลักในการมุ่งแสวงหากำไร
  • เรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน หรือค่าบริการในการดำเนินกิจการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของสถาบัน ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และอัตราที่คณะกรรมการกำหนด
  • กระทำการอื่นใดที่จำเป็นหรือต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสถาบัน

ระยะแรกเริ่มของการตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่

ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน งบประมาณ และรายได้ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2560 เฉพาะในส่วนของสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ ที่มีอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไปเป็นของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ตามพระราชกฤษฎีกานี้

ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานกรรมการ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นกรรมการ และให้ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นกรรมการและเลขานุการ

ในวาระเริ่มแรก ให้ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ เป็นผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ตามพระราชกฤษฎีกานี้จนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้อำนวยการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ หากยังไม่สามารถสรรหาได้ให้ขยายเวลาได้อีกไม่เกิน 60 วัน

ให้โอนบรรดาเจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง และผู้ปฏิบัติงานของสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ไปเป็นเจ้าหน้าที่ ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ตามพระราชกฤษฎีกานี้ โดยให้ดำรงตำแหน่งเดิมและให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้าง รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆซึ่งเคยได้รับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไปพลางก่อน

ทั้งนี้ จนกว่าจะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามพระราชกฤษฎีกานี้ และให้นับเวลาทำงานของบุคคลดังกล่าว เป็นเวลาทำงานต่อเนื่องกับเวลาทำงานในสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ตามพระราชกฤษฎีกานี้

ในระหว่างที่ยังไม่มีระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ตามพระราชกฤษฎีกานี้ ให้นำระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศหรือข้อกำหนดของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2560 ที่ใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

เมื่อสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ดำเนินการครบ 2 ปี นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน จัดให้มีการประเมินผลการดำเนินการของสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ว่า เกิดผลสัมฤทธิ์หรือมีความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับภาระงบประมาณ เพื่อพิจารณาความจำเป็นหากต้องปรับเปลี่ยนเป็นองค์กรรูปแบบใหม่

เมื่อสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ด าเนินการครบ 5 ปี นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. จัดให้มีการประเมินความคุ้มค่าตามตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน หากพิจารณาเห็นว่าไม่คุ้มค่าในการจัดตั้ง ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอรัฐมนตรีเพื่อยุบเลิกและโอนถ่ายภารกิจ ไปให้หน่วยงานอื่นต่อไป

อ่านรายละเอียด การจัดตั้งสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)

ที่มา ; ฐานเศรษฐกิจ 05 มิถุนายน 2566

เกี่ยวข้องกัน

ครม.คลอดกฎหมายตั้งสถาบัน “Big Data” แห่งชาติ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบการตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ “Big Data” แห่งชาติ โดยอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอ

ทั้งนี้เพื่อเป็นหน่วยงานของรัฐ โดยเป็นหน่วยงานกลางเพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน วิเคราะห์ และบูรณาการข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศโดยตรง ทำหน้าที่ให้บริการ ส่งเสริม และสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานอื่นเกี่ยวกับการพัฒนาคลังข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศไทย

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เดิมสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการมาแล้ว 3 ปี ตั้งแต่เดือน ก.ค. 62 – มิ.ย. 65 ปัจจุบันได้สิ้นสุดไปแล้ว

ทั้งนี้ในการดำเนินการของสถาบัน ที่ผ่านมามีผลการดำเนินการที่สำคัญกับการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีข้อมูลของประเทศกว่า 2,300 คน และให้บริการด้านข้อมูลขนาดใหญ่จำนวนทั้งสิ้น 104 โครงการ ตัวอย่าง เช่น

1.โครงการ Health Link เป็นโครงการออกแบบและพัฒนาระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษาทั่วประเทศ เป็นแพลตฟอร์มกลางสำหรับเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลประวัติการรักษา ทำให้มีการใช้ประโยชน์ข้อมูลด้านประวัติการรักษาข้ามโรงพยาบาล เพิ่มความสะดวกปลอดภัยให้กับการดูแลสุขภาพของประชาชน ลดค่าใช้จ่ายการเดินทางสำหรับการขอประวัติการรักษา ลดค่าบริหารจัดการเอกสารของโรงพยาบาล

2.โครงการ Co-Link ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ใช้ในการออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อบริหารจัดการเตียง ทะเบียนผู้ติดเชื้อ การครองเตียง ผลตรวจและการฉีดวัคซีน

3.โครงการ Travel Link ระบบบริการข้อมูลอัจฉริยะด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องมือสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายด้านการท่องเที่ยวของประเทศ รวมทั้งเป็นข้อมูลให้บริการข้อมูลแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่จะช่วยวางแผนธุรกิจท่องเที่ยว

4.โครงการ National Health Data Platform ที่เป็นความร่วมมือของ 5 กระทรวง คือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เมื่อสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ หมดระยะเวลาดำเนินการ ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงเสนอ ร่าง พ.ร.ฎ.นี้ โดยมีหลักการยกฐานะสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลฯ ให้เป็นสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อขยายภารกิจจากเดิม

โดยให้เน้นการพัฒนาให้เกิดสังคมการใช้ประโยชน์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจของประเทศไทย (Data-Driven Nation) โดยเป็นหน่วยงานกลางทำหน้าที่ประสานส่งเสริมให้คำปรึกษาและบริการการวิเคราะห์ข้อมูลแก่ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ข้อมูลร่วมกันในการวางแผนนโยบายพัฒนาประเทศไปสู่ความเป็น Thailand 4.0 ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 นโยบายรัฐบาล และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

“สถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ที่จะจัดตั้งตามกฎหมายนี้จะเป็นองค์การมหาชน ในกลุ่มที่ 2บริการที่ใช้เทคนิควิชาการเฉพาะด้านหรือสหวิทยาการ เป็นหน่วยงานกลางเพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน วิเคราะห์ และบูรณาการข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศ” น.ส.ทิพานัน กล่าว

ทั้งนี้ได้กำหนดวัตถุประสงค์หลัก 4 ด้าน คือ

  • จัดทำยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
  • ส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างให้เกิดแพลตฟอร์มข้อมูลที่บูรณาการข้อมูลรายสาขา สำหรับการใช้ประโยชน์เชิงวิเคราะห์ เช่น การกำหนดนโยบายในเรื่องต่างๆ การวางแผนธุรกิจ
  • ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งให้บริการคำปรึกษาด้านข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องแก่ทั้งภาครัฐและเอกชน
  • ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมด้านข้อมูลขนาดใหญ่ให้มาตรฐาน

น.ส.ทิพานัน กล่าว สถาบันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่จะใช้ข้อมูลร่วมกันในการวางแผนนโยบายพัฒนาประเทศ  นำไปใช้เป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบายของประเทศและการตัดสินใจของรัฐบาลในเรื่องต่างๆ  โดยในแผนงานระยะ 5 ปีจะมุ่งเน้นการตอบโจทย์ด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว แรงงาน และยุติธรรม

รวมไปถึงการวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ ข้อมูลข้ามสาขา และเป็นการดำเนินงานร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ที่เน้นสนับสนุนเชิงนโยบายด้านการจัดการข้อมูลภาครัฐ ด้านการแพทย์ การพัฒนาหน่วยงานภาครัฐให้สามารถทำงานผ่านระบบดิจิทัล และสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ทำหน้าที่บริหารจัดการระบบสถิติของประเทศ

ทั้งนี้ในเรื่องของชื่อสถาบันที่จะจัดตั้ง ครม. ได้มอบให้สำนักงานกฤษฎีกาไปพิจารณาและแก้ไขเพื่อความเหมาะสมและถูกต้องต่อไป

ที่มา ; ฐานเศรษฐกิจ 13 ธันวาคม 2565

Leave a Reply