ปรับเกณฑ์ลดเวลาการขอขอวิทยฐานะ ว PA สำหรับครูพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร หรือพื้นที่อันตราย

เมื่อวันที่ 24 กันยายน นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการสนับสนุนแผนดำเนินงานเพื่อยกระดับคุณภาพทางการศึกษา ว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)  ครั้งล่าสุด มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามที่ ก.ค.ศ.เสนอ โดยมีมติเห็นชอบให้ลดระยะเวลาในการเสนอขอมีวิทยฐานะ หรือเลื่อนวิทยะฐานะของครูในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร หรือพื้นที่อันตราย จากเดิม 4 ปี เหลือเพียง 3 ปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม นี้ เป็นต้นไป

“มีจำนวนสถานศึกษาในปี 2565 จำนวน 3,490 แห่ง ที่คุณครูปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียนเหล่านี้ สามารถใช้เงื่อนไขสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษ มาร่นระยะเวลา เพื่อยื่นขอมีวิทยฐานะ หรือขอเลื่อนได้เร็วขึ้น 1 ปี ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ ศธ.ต้องการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับครู โดยเฉพาะครูที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ที่ยากลำบาก หรือมีความอันตราย มีความเสี่ยง แต่ยินดีที่จะทุ่มเทให้กับการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนของเราให้เติบโตเป็นคนดี และเป็นคนเก่ง” นางสาวตรีนุช กล่าว

รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า สถานศึกษาในพื้นที่พิเศษตามหลักเกณฑ์ใหม่นี้ ได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  • สถานศึกษาที่ได้รับการประกาศเป็นสำนักงานในพื้นที่พิเศษตามประกาศกระทรวงการคลัง
  • สถานศึกษาในพื้นที่พิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา 4 อำเภอ และ
  • กลุ่มสถานศึกษาที่มีความยากลำบากของการคมนาคมและมีความยุ่งยากในการบริหารจัดการศึกษา เช่น เป็นสถานศึกษาที่อยู่ในพื้นที่สูง พื้นที่เกาะ พื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร หรือสถานศึกษาที่รองรับกลุ่มชาติพันธุ์

แยกตามต้นสังกัด ได้แก่ สถานศึกษาในสังกัด สพฐ. 2,633 แห่ง กศน. 842 แห่ง และ สอศ. 15 แห่ง โดยผู้ขอเลื่อนวิทยฐานะ สามารถเสนอผลงานผ่านระบบประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (DPA) ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 นี้

รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า สำหรับข้อกังวลในการขอวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะผ่านระบบ DPA ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากการกำหนดให้มีอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา แทนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ตามที่รัฐสภาลงมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 นั้น ครูยังสามารถยื่นเรื่องเพื่อขอมี หรือเลื่อนวิทยฐานะผ่านระบบ DPA ได้ตามปกติโดยไม่กระทบสิทธิ์แต่อย่างใด

นางสาวตรีนุช กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม ก.ค.ศ. ยังเห็นชอบการปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานวิชาเอกในสถานศึกษา ตามที่ สพฐ.เสนอ โดยมีการปรับแก้ไขเป็นสาขาวิชาเอกในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ และปลดล็อคเรื่องการเรียงลำดับการบรรจุครูตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาเอกระดับประถมศึกษา เพื่อให้สถานศึกษามีความยืดหยุ่น และมีความคล่องตัวในการบริหารอัตรากำลังสายงานการสอน

“ทั้งนี้ เพื่อให้โรงเรียนสามารถจัดครูได้ครบชั้น ครบวิชา ได้ครูครบตามเกณฑ์ เป็นไปตามความต้องการตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และหลักสูตรสถานศึกษาตามความต้องการจำเป็น เป็นการลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กที่จะช่วยให้มีครูครบทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น” นางสาวตรีนุช กล่าว

ที่มา ; แนวหน้า วันเสาร์ ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2565 

ข่าวเกี่ยวกัน

การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพิจารณา (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้เลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ

วันที่ 23 กันยายน 2565 รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพิจารณา (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้เลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ณ ห้องประชุมจรูญ  มิลินทร์ ชั้น 7 อาคารรัชมังคลาภิเษก สำนักงาน ก.ค.ศ. และรูปแบบออนไลน์

สืบเนื่องจาก ก.ค.ศ. ได้กำหนดมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ว 3 ลงวันที่ 26 มกราคม 2565 โดยกำหนดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษให้ต้องผ่านการพัฒนาก่อนแต่งตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้จัดประชุมชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นเพื่อกำหนดกรอบแนวคิดในการจัดทำ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้เลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าควรปรับเปลี่ยนวิธีการพัฒนาโดยใช้วิธี Project-based Development ไม่ให้เป็นการพัฒนาแบบฝึกอบรมในห้อง โดยให้มีการพัฒนาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล แต่ละตำแหน่ง เน้นการพัฒนารายบุคคล โดยให้เป็นไปตามระดับการปฏิบัติที่คาดหวังตามวิทยฐานะ (วิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ คือ สร้างการเปลี่ยนแปลง (Create an impact) และกำหนดระดับกลุ่มเป้าหมายในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเป็น 3 ระดับ คือ  1) ตนเอง 2) เพื่อนร่วมงาน และ 3) วงวิชาชีพ

สำนักงาน ก.ค.ศ. จึงได้นำกรอบแนวคิดในการจัดทำ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าวหารือร่วมกับผู้บริหารสำนักงาน ก.ค.ศ. และได้แนวคิดในการเชื่อมโยงการพัฒนากับหลักการของหลักเกณฑ์ ว PA และได้จัดทำ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้เลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษขึ้น ดังนั้นเพื่อให้ร่างหลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าวมีความครอบคลุม ครบถ้วน สมบูรณ์ จึงได้มีการจัดประชุมในครั้งนี้ขึ้น โดยได้เชิญที่ปรึกษาสำนักงาน ก.ค.ศ. ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.ค.ศ. ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมเ เพื่อร่วมกันพิจารณาก่อนดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 

ที่มา ; กลุ่มประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ สำนักงาน ก.ค.ศ.

Leave a Reply